บรรเจิดศรี ยมาภัย : คุณยายแห่งวงการละครไทย

<< แชร์บทความนี้

ชีวิตของ บรรเจิดศรี ยมาภัย เริ่มต้นเมื่ออายุ 50 ปี

เพราะก่อนจะมาโด่งดังบนเส้นทางสายมายา รับบทบาทเป็นคุณยายใจดีในละครมากมาย ทั้ง คู่กรรม ดาวพระศุกร์ สายโลหิต มงกุฎดอกส้ม บุพเพสันนิวาส และพรหมลิขิต

คุณยายบรรเจิดศรี ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันว่าจะต้องย่างเท้าเข้าสู่แวดวงนี้มาก่อนเลย

แต่ด้วยชะตาชีวิต ส่งผลให้อดีตแม่ค้าร้านอาหาร ต้องกลายมาเป็นนักแสดงคุณภาพที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้แก่ผู้ชมมากว่า 4 ทศวรรษ

ยอดมนุษย์..คนธรรมดา จึงอยากขอพาทุกคนไปสัมผัสถึงเรื่องราวชีวิตของหนึ่งในยอดฝีมือที่ผูกพันกับผู้ชมมากที่สุด

ฟ้าลิขิตให้เล่นละคร

ครั้งหนึ่งคุณยายเคยบอกว่า เธอเริ่มเล่นละครเพราะโดนหลอก

เพราะแม้ลูกพี่ลูกน้อง อย่าง ผุสดี สังวริบุตร ภรรยาของอาหรั่ง-ไพรัช สังวริบุตร เจ้าของดาราวิดีโอ จะตามตื๊อ บอกให้มาช่วยเล่นละครหลายต่อหลายครั้ง แต่คุณยายก็ไม่ยอมใจอ่อน ปฏิเสธลูกเดียว เพราะไม่คิดว่าตัวเองมีความสามารถด้านนี้

ก่อนหน้านี้ ยายศรีเป็นสาวออฟฟิศทำงานอยู่แผนกโอเปอเรเตอร์ ขององค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐฯ หรือ USOM พอออกจากงานก็มาเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ขายดิบขายดีจนป่วย ลูกๆ ต้องบอกให้เลิกเถอะ แต่ก็หยุดได้พักเดียว ก็วกกลับไปขายใหม่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แต่ขายได้แค่ 3 ปี วันหนึ่งระหว่างขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่าประสบอุบัติเหตุรถตกคูข้างทาง โชคดีไม่เป็นอะไรมาก แต่ลูกๆ ก็เลยยื่นคำขาดให้เลิกไปขายเอง ปล่อยให้หลานไปทำแทน

เมื่อไม่ได้ขายอาหารแล้วก็เลยอยู่ว่างๆ น้องสาวคนเดิมจึงตามมาให้เล่นละครอีก โดยบอกว่า ไม่เล่นไม่ได้ เพราะวางตัวไว้แล้ว เป็นละครสั้นตอนเดียวจบ ชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม รับบทเป็นแพทย์หญิง ไม่มีบทพูด ออกมาเดินนิดเดียว คุณยายก็เลยยอมตกลง

“เขานัดถ่ายตอน 8 โมงเช้า คืนนั้นนอนไม่หลับเลย ตี 4 ก็ยังไม่หลับ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี พอเช้า ก็ไปกองถ่าย ปรากฏว่าโดนหลอก เพราะมีบทพูดเยอะเลย เล่นครั้งแรกโดนผู้กำกับสั่งไปหลายเทค”

พอเรื่องแรกผ่านไปด้วยดีอาหรั่งน้องเขยก็เลยตั้งใจจะปั้นพี่สาวคนนี้เต็มที่ด้วยการเริ่มให้บทที่ท้าทายขึ้นคือเรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์ให้รับบทเป็นคนวิ่งหนีผีมีบทตกใจทำหน้ากลัวผีจากนั้นก็ต่อด้วยละครยาวเรื่องผู้สืบสกุลเล่นเป็นแม่สามีนางเอก

น้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว

ด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน คุณยายจึงพร้อมเรียนรู้และฝึกฝน ไม่ได้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว โดยมีอาหรั่งรวมถึงผู้กำกับการแสดงเป็นครูที่คอยเคี่ยวเข็ญอย่างใกล้ชิด

คุณยายเป็นนักแสดงที่สามารถเล่นบทบาทได้หลากหลาย โดยเฉพาะละครพีเรียด แต่เรื่องหนึ่งที่ถือว่าท้าทายสุด คงต้องยกให้ ‘คู่กรรม’ เวอร์ชันเบิร์ด-ธงไชย กับ กวาง-กมลชนก เมื่อปี 2534  เพราะต้องถ่ายทำนาน 8-9 เดือน แถมมีแต่ฉากยากๆ เช่นลงท้องร่องหลบระเบิด หรือบทรัดทน เคล้าน้ำตา แต่คุณยายก็แสดงออกมาได้ดี ชนิดที่ว่า ผู้ชมที่เกาะขอบจอหลั่งน้ำตาตาม

เวลาเล่นเราต้องเข้าไปเป็นตัวนั้นเลย เป็นยายที่มีลูกสาวกับหลานสาว ชีวิตมีอยู่แค่นี้ จะต้องผูกพันกันมาก ต้องห่วงอาทรทั้งลูกทั้งหลาน เวลาดาว (ดวงดาว จารุจินดา) เล่น เขาก็เป็นเหมือนลูกเราจริงๆ เลย ขนาดลูกสาว (ศัลยา สุขะนิวัตติ์) ยังติเลยว่าแม่เล่นสู้ดาวไม่ได้เลย เรายังเล่นเหมือนกับเขายังไม่ใช่ลูกที่ต้องห่วงหาอาทรมากนัก ซึ่งต้องยอมรับว่า เราเล่นไม่ถึงเขาจริงๆ ดาวนี่ชั้นครูแล้ว บางครั้งมีบทที่เล่นยากๆ เรายังต้องบอกให้ดาวลองเล่นให้ดูซิ ซึ่งดาวเขาสอนให้หลายคนนะ

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีบทบาทหนึ่งที่คุณยายอยากลองเล่น แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมสักทีคือ บทตัวร้าย เพราะดูเหมือนทางช่อง 7 ในยุคนั้นอยากให้เล่นแต่บทคุณยายแสนดี จะมีโอกาสก็แค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น เวลามีละครสั้นตอนเดียวจบ แต่ก็ไม่ได้ร้ายอะไรมาก แค่มีฉากต้องทะเลาะกับลูกกับหลานเท่านั้นเอง

สำหรับคุณยายแล้ว ต่อให้เริ่มต้นจากความไม่ตั้งใจ แต่เมื่อได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ก็กลายเป็นความสุข เริ่มสนุก และพร้อมจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ แถมบางครั้งก็ยังเข้าไปช่วยงานดูแลกองถ่ายของดาราวิดีโอให้อีกต่างหาก ซึ่งกว่าจะเรียบร้อย ถ่ายเสร็จซีนสุดท้ายตี 1-2 ก็ไม่เคยหวั่น อยู่เลิกเกือบทุกครั้ง

เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยว่าเหตุใดชื่อของคุณยายบรรเจิดศรี กลายเป็นนักแสดงที่ใครๆ ต่างก็รัก และเคารพของผู้คนในวงการตลอดมา

เวลาเล่นเราต้องเข้าไปเป็นตัวนั้นเลย เป็นยายที่มีลูกสาวกับหลานสาว ชีวิตมีอยู่แค่นี้ จะต้องผูกพันกันมาก ต้องห่วงอาทรทั้งลูกทั้งหลาน

บรรเจิดศรี ยมาภัย : คุณยายแห่งวงการละครไทย

ชีวิตที่มอบให้การแสดง

ทว่าช่วงหลัง สุขภาพของคุณยายเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัว ทำให้รับงานแสดงได้น้อยลงโดยปริยาย จนหลายคนนึกว่าเลิกแสดงไปแล้ว กระทั่งเมื่อปี 2561 คุณยายก็ตัดสินใจกลับมาแสดงฝีไม้ลายมือให้ผู้ชมหายคิดถึง ในละคร 3 เรื่องคือ บุพเพสันนิวาส สัตยาธิษฐาน และสายโลหิต ซึ่งศัลยา บุตรสาวเป็นผู้เขียนบท ก่อนจะประกาศขอเกษียณอายุจากวงการบันเทิง

ถึงอย่างนั้น ในปี 2566 คุณยายก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งกับบท ยายนวล ในซีนสุดท้ายของละครพรหมลิขิต ภาคต่อของบุพเพสันนิวาส ซึ่งแฟนๆ ละครก็ต่างยกให้เป็นซีนพิเศษที่ดีที่สุด และนับเป็นการปิดฉากเส้นทางการแสดงที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง

แม้วันนี้จะไม่มีนักแสดงที่ชื่อว่า บรรเจิดศรี ยมาภัย บนโลกใบนี้อีกต่อไป แต่ก็เชื่อว่า ผลงานหลายสิบเรื่องที่ฝากเอาไว้จะไม่จางหายไปไหน และเธอก็ยังคงเป็นคุณยายที่แสนดีในความทรงจำของผู้ชมชาวไทยตราบนานแสนนาน

ภาพและข้อมูลประกอบการเขียน

  • นิตยสารขวัญเรือน ปีที่ 28 ฉบับที่ 597 ปักษ์แรกตุลาคม 2539
  • นิตยสาร IMAGE ปีที่ 10 ฉบับที่ 7 วันที่ 22 กรกฎาคม 2540
  • เว็บไซต์ MGR Online วันที่ 4 ตุลาคม 2556

<< แชร์บทความนี้

RELATED POSTS
LATEST

Keep In Touch

COPYRIGHT © 2021 WWW.THENORMALHERO.CO.  ALL RIGHTS RESERVED.